สรุปสาระสำคัญ
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม
************************
1. การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
1.1 ใหจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินดังนี้
(1) ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
(2) ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
(3) ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
1.2 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
2. การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
2.1 ใหจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลางดังนี้
(1) สํานักนายกรัฐมนตรี
(2) กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง
(3) ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือกระทรวง
(4) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานเป็นกรม ซึ่งสังกัด
หรือไม่สังกัดสํานัก นายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวงสํานักนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็น
กระทรวงส่วนราชการตาม (1) (2) (3) และ (4) มีฐานะเป็นนิติบุคคล
2.2 การจัดตั้ง การรวม หรือการโอนส่วนราชการตาม 2.1 ให้ตราเป็นพระราชบัญญั ติ
2.3 การรวมหรือการโอนส่วนราชการตามข้อ 2.1 ไมว่าจะมีผลเป็นการจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่หรือไม่ ถ้าไม่มีการกําหนดตําแหน่งหรืออัตราของข้าราชการหรือลูกจางเพิ่มขึ้น ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และสํานักงบประมาณ มีหน้าที่ตรวจสอบดูแล มิให้การกําหนดตำแหน่งหรืออัตราของข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ หรือที่ถูกรวมหรือโอนไปเพิ่มขึ้น จนกว่าจะครบกําหนดสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งมี ผลใช้บังคับ
2.4 การเปลียนชื่อส่วนราชการตามข้อ 2.1 ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
2.5 การยุบส่วนราชการตามข้อ 2.1 ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อมีพระราชกฤษฎีกายุบส่วนราชการวรรคหนึ่งแล้ว ให้งบประมาณรายจ่ายที่เหลือยู่ของส่วนราชการนั้นเป็นอันระงับไป สําหรับทรัพย์สินอื่นของส่วนราชการนั้นให้โอนแก่ส่วนราชการอื่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามวรรคหนึ่งกําหนด โดยความ เห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามที่รัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา
2.6 การแบ่งส่วนราชการในสํานักงานเลขานุการรัฐมนตรี กรม หรือส่วนราชการที่ เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรมให้ออกเป็นกฎกระทรวงและให้ระบุ อํานาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการไว้ในกฎกระทรวงด้วยให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของส่วนราชการตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการดังกล่าวกฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
2.7 ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและสํานักงบประมาณร่วมกันเสนอความต่อคณะรัฐมนตรีในการแบ่งส่วนราชการภายใน และในการกําหนดอํานาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการตาม ข้อ 2.6 ในการเสนอความเห็นอํานาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการตาม ข้อ 2.6 ในการเสนอความเห็นดังกล่าวให้สํานักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือนจัดอัตรากําลังและสํานักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณให้สอดคล้องเสนอไปในคราวเดียวกัน
2.8 การแบ่งส่วนราชการภายในมหาวิทยาลัยสถาบันในทบวงมหาวิทยาลัย ให้ เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยหรือสถาบันนั้น
3. การจัดระเบียบราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี
3.1 การจัดระเบียบราชการในสํานักนายกรัฐมรตรี ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมให้ส่วนราชการในสํานักนายกรัฐมนตรีบรรดาที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม มีฐานะเป็นกรม
3.2 สํานักนายกรัฐมนตรี มีอํานาจหน้าที่ ตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรมสํานักนายกรัฐมนตรีมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและกําหนดนโยบายของสํานักนายกรัฐมนตรีสอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีกําหนดหรืออนุมัติและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสํานักนายกรัฐมนตรี และจะให้มีรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่มีรองนายกรัฐมนตรีหรีอรัฐมนตรีประจำสํานักนายกรัฐมนตรี หรือมีทั้งรอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี การสั่งและการปฏิบัติราชการของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ในระหว่างที่คณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตําแหน่ง เพื่อดําเนินงานไปจนกว่าจะตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่เพราะนายกรัฐมนตรีตาย ขาดคุณสมบัติ หรือต้องคําพิพากษาให้จําคุก ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หรือมีแต่ในอํานาจปฏิบัติราชการได้ให้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
3.3 นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอํานาจหน้าที่ดังนี้
(1) กํากับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อการนี้จะสั่งให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่ควบคุมราชการส่วน
ท้องถิ่น ชี้แจงแสดงความคิดเห็น ทํารายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการในกรณี จําเป็นจะยับยั้งการปฏิบัติราชการใดๆ ที่ขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีก็ได้ และมีอํานาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่น
(2) มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกํากับบริหารราชการของกระทรวงหรือทบวงหนึ่งหรือหลายกระทรวง หรือ ทบวง
(3) บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
(4) สั่งให้ข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง มาปฏิบัติราชการสํานักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมหรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่ให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมให้ได้รับเงินเดือนในสํานักนายกรัฐมนตรีในระดับและขั้นที่ไม่สูงกว่าเดิม
(5) แต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดํารงตําแหน่งของอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนจากกระทรวง ทบวง กรมเดิม ในกรณีเช่นว่านี้ให้ข้าราชการซึ่งได้รับแต่งตั้งมีฐานะเสมือนเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวง
(6) แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษาหรือคณะที่ปรึกษาของ
นายกรัฐมนตรีหรือเป็นคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติราชการใด ๆ และกําหนดอัตราเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนให้แก่ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้ง
(7) แต่งตั้งข้าราชการการเมืองให้ปฏิบัติราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี
(8) วางระเบียบปฏิบัติราชการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญั ตินี้หรือกฎหมายอื่น
(9) ดําเนินการอื่นๆ ในการปฏิบัติตามนโยบายระเบียบตาม (8) เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ ความเห็นชอบแล้วให้ใช้บังคับได้
3.4 ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม แต่มิได้สังกัดสํานักนายกรัฐมนตรี หรือทบวง นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสํานักนายกรัฐมนตรีปฏีบัติราชการแทนก็ได้
3.5 สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมือง มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีและให้มีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ และจะให้มีผู้ช่วยเลขาธการนายก รัฐมนตรเป็นผู้ช่วยส่งและปฏิบัติราชการด้วยก็ ได้
ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเป็นข้าราชการเมืองและให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารและผู้ช่วยเลขาธิการนายกรฐมนตรีเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
3.6 สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีอํานาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับราชการของคณะรัฐมนตรี รัฐสภาและราชการในพระองค์มีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีและให้มีรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ และจะให้มีผู้ช่วยเลขาธิการคณะรฐมนตรีเป็นผู้ช่วยส่งและปฏิบัติราชการด้วยก็ได้
ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขาธิการคณะรฐมนตรีเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
3.7 ให้สํานักข่าวกรองแห่งชาติสํานักงบประมาณ สํานักงานสภาความมั่นคง
แห่งชาติสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนสํานักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก สํานักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ และสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
3.8 ในสํานักนายกรัฐมนตรีให้มีปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งมีอํานาจหน้าที่ ดังนี้
(1) รับผิดชอบควบคุมราชการประจําในสํานักนายกรัฐมนตรี กําหนดแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของสํานักนายกรัฐมนตรี และลําดับความสําคัญของแผนการปฏิบัติราชการประจําปีของส่วนราชการในสํานักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีกําหนด รวมทั้งกํากับ เร่งรัด ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการของสวนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี
(2) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในสํานักนายกรัฐมนตรีรองจากนายกรัฐมนตรีรองนายรัฐมนตรีและรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี
(3) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการของปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ให้มีรองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ และจะให้มีผู้ช่วยปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการก็ได้
ให้ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี รองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และผู้ช่วยปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
3.9 สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจาทั่วไปของสำนัก นายกรัฐมนตรีและราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กําหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดสํานักนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ รวมทั้งกํากับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในสํานักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของสำนักนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่สํานักนายกรัฐมนตรีมีทบวงอยู่ในสังกัด และยังไม่สมควรจัดตั้งสํานักงานปลัดทบวงจะให้สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีทําหน้าที่สํานักงานปลัดทบวงด้วยก็ได้
4. การจัดระเบียบราชการในกระทรวงหรือทบวง
4.1 ให้จัดระเบียบราชการของกระทรวงดังนี้
(1) สํานักงานเลขานุการรัฐมนตรี
(2) สํานักงานปลัดกระทรวง
(3) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น เว้นแต่บางกระทรวงเห็นว่าไม่มีความจําเป็นจะไม่แยกส่วนราชการตั้งขึ้นเป็นกรมก็ได้ ให้ส่วนราชการตาม (2) และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นตาม (3) มีฐานะเป็นกรมกระทรวงใดมีความจําเป็นจะต้องมีส่วนราชการเพื่อทําหน้าที่จัดทํานโยบายและแผน กํากับเร่งรัด และติดตามนโยบายและแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง จะจัดระเบียบบริหารราชการโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีสํานักนโยบายและแผนเป็นส่วนราชการภายใ ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงก็ได้
4.2 การจัดระเบียบราชการในกระทรวงหนึ่งๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ส่วนการจัดระเบียบราชการในกระทรวงที่เกี่ยวกับการทหารให้เป็นไปตามกำ หมายว่าด้วยการนั้น กระทรวงมีอํานาจหน้าที่ตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
4.3 กระทรวงหนึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและกําหนดนโยบายของกระทรวงให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีกําหนดหรืออนุมัติ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกระทรวงและจะให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการก็ได้
4.4 นอกจากมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ให้มีปลัดกระทรวงคนหนึ่งมีอํานาจหน้าที่ ดังนี้
(1) รับผิดชอบควบคุมราชการประจําในกระทรวง กําหนดแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง และลําดับความสําคัญของแผนการปฏิบัติราชการประจําปีของส่วนราชการในกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐมนตรีกําหนด รวมทั้งกํากับ เร่งรัด ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในกระทรวง
2) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในกระทรวงรองจากรัฐมนตรี
(3) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการสํานักงานปลัดกระทรวง และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสํานักงานปลัดกระทรวงในการปฏิบัติราชการของปลัดกระทรวงให้มีรองปลัดกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการและให้มีผู้ช่วยปลัดกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการด้วยก็ได้
4.5 สํานักงานเลขานุการรัฐมนตรีมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมืองมีเลขานการรัฐมนตรีซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองเป้นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสํานักเลขานุการรัฐมนตรีขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงและจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้ช่วยสั่ง หรือ ปฏิบัติราชการแทนเลขานุการรัฐมนตรีก็ได้
4.6 สํานักงานปลัดกระทรวงมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจําทั่วไปของกระทรวงและราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กําหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดกระทรวงโดยเฉพาะ รวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของสวนราชการในกระทรวง ให้เป็ นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง
ในกรณีที่กระทรวงมีทบวงอยู่ในสังกัดและยังไม่สมควรจัดตั้งสํานักงานปลัดทบวงจะให้สํานักงานปลัดกระทรวงทําหน้าที่สํานักงานปลัดทบวงด้วยก็ได้
4.7 การจัดระเบียบราชการในทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวงให้อนุโลมตามการจัดระเบียบราชการของกระทรวง
5. การจัดระเบียบราชการในทบวงซึ่งสังกัดสำนั กนายกรัฐมนตรีหรีอกระทรวง
5.1 ราชการส่วนใดซึ่งโดยสภาพ และปริมาณของงานไม่เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นกระทรวงหรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง จะจัดตั้งเป็นทบวงสํากัดสํานักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการทบวงเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของทบวงก็ได้ และให้จัดระเบียบราชการในทบวง
ดังนี้
(1) สํานักงานเลขานุการรัฐมนตรี
(2) สํานักงานปลัดทบวง
(3) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น เว้นแต่บางทบวงซึ่งเห็นว่าไม่ความจําเป็นจะไม่แยกส่วนราชการตั้งขึ้นเป็นกรมก็ได้ ให้ส่วนราชการตาม (2) และสวนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นตาม (3) มีฐานะเป็นกรม ในกรณีที่สํานักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวงมีทบวงอยู่ในสังกัด และประมาณและคุณภาพของราชการในทบวงยังไม่สมควรจัดตั้งสํานักงานปลัดทบวง จะให้สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีหรือสํานักงานปลัดกระทรวงทําหน้าที่สํานักงานปลัดทบวงด้วยก็ได้
5.2 การจัดระเบียบราชการในทบวงหนึ่งๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ส่วนการจัดระเบียบราชการในทบวงมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นทบวงมีอํานาจหน้าที่ตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
5.3 ทบวงหนึ่งมีรัฐมนตรีว่าการทบวงเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และกําหนดนโยบายของทบวงให้สอดคล้องกับ นโยบายที่คณะรัฐมนตรีกําหนดหรืออนุมัติ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของทบวง และจะให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการทบวงเป็นผู้ช่วยสั่งและการปฏิบัติราชการก็ได้
ในกรณีที่เป็นทบวงสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง ให้รัฐมนตรีว่าการทบวงปฏิบัติราชการภายใต้การกำกับของนายรัฐมนตรี หรีอรัฐมนตรีว่าการกระทรวง แล้วแต่ กรณี
5.4 ทบวง นอกจากมีรัฐมนตรีว่าการทบวงและรัฐมนตรี ช่วยว่าการทบวง ให้มีปลัดทบวงคนหนึ่งมีอํานาจหน้าที่ ดังนี้
(1) รับผิดชอบควบคุมราชการประจําในทบวง กําหนดแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของ ทบวง และลําดับความสําคัญของแผนการปฏิบัติราชการประจําปีของส่วนราชการในทบวงให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐมนตรีกําหนด รวมทั้งกํากับเร่งรัด ติดตาม และประเมินผลการปฏิ บัติราชการของส่วนราชการในทบวง
(2) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในทบวงรองจากรัฐมนตรี
(3) เป็นผู้ บังคับบั ญชาข้าราชการในสำนักงานปลัดทบวง และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานปลัด ทบวง
ในกรณีที่ปลัดกรทบวงจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ คําสั่ง
ใด หรือมติ ของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กล่าวถึงอํานาจของปลัดทบวงไว้ให้ปลัดทบวงมีอํานาจดัง เช่น ปลัดกระทรวง
5.5 สํานักงานเลขานุการรัฐมนตรีมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมืองมีเลขานุการรัฐมนตรีซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสํานักงานเลขานุการรัฐมนตรีขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการทบวง และจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้ช่วยสั่งหรือปฏิบัติราชการแทนเลขานุการรัฐมนตรีก็ได้
5.6 สํานักงานปลัดทบวงมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจําทั่วไปของทบวง และราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กําหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดทบวงโดยเฉพาะรวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของสวนราชการในทบวงให้เป็นไปตามนโยบายแนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของทบวง
6. การจัดระเบียบราชการในกรม
6.1 กรมซึ่งสังกัดหรือไม่สังกัดสํานักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง อาจแบ่งส่วนราชการดังนี้
(1) สํานักงานเลขานุการกรม
(2) กอง หรือส่วนราชการที่ฐานะเทียบเท่ากองเว้นแต่ บางกรมซึ่งเห็นว่าไม่ มีความจำเป็นจะไม่ แยกส่วนราชการตั้งขึ้นเป็นกองก็ได้
กรมใดมีความจําเป็นจะแบ่งส่วนราชการโดยให้มีส่วนราชการอื่นนอกจาก
(1) หรือ (2) ก็ได้สําหรับกรมตํารวจและสํานักงานอัยการสูงสุด จะแบ่งส่วนราชการให้เหมาะสมกับราชการของตํารวจหรอราชการของอัยการก็ได้
6.2 กรมมีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการส่วนใดส่วนหนึ่งของกระทรวงหรือทบวงตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการของกรม หรือกฎหมายว่าด้วยอํานาจหน้าที่ ของกรมนั้น
กรมมีอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรมใหเป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง
ในกรมหนึ่งจะมีรองอธิบดีหรือผู้ช่วยอธิบดี หรือมีทั้งรองอธิบดีและผู้ช่วยอธบดิ เปีนผู้บังคบบัญชาข้าราชการรองจากอธิบดี และช่วยอธิบดิ ปฏีบัติราชการก็ได้
6.3 สํานักงานเลขานุการกรม มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของกรมและราชการที่มิได้แยกให้เป็นหน้าที่ของกองหรือส่วนราชการใด โดยเฉพาะมีเลขานุการกรมเป็น
กองหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากอง ให้มีอํานาจหน้าที่ตามที่ได้กําหนดไว้ให้
เป็นหน้าที่ของส่วนราชการนั้นๆ โดยให้มีผู้อํานวยการกอง หัวหน้ากอง หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่เทียบเท่าผู้อํานวยการกองเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ
6.4 กระทรวง ทบวง กรมใดมีเหตุพิเศษจะตราพระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ออกเป็นเขต เพื่อให้มีหัวหน้าส่วนราชการประจําเขตแล้วแต่จะเรียกชื่อเพื่อปฏิบัติงานทางวิชาการก็ได้
หัวหน้าส่วนราชการประจําเขตมีอํานาจหน้าที่เป็นผู้รับนโยบายและคําสั่งจากกระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติงานทางวิชาการ และเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการประจาสํานักงานเขตซึ่งสังกั ด กระทรวง ทบวง กรมนั้น
ความในมาตรานี้ไม่ใช่บังคับแก่การแบ่งเขตและการปกครองบังคับบัญชาของตำรวจและอัยการซึ่งได้ กําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
7. การปฏิบัติราชการแทน
7.1 อํานาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการ หรือการดําเนินการอื่นที่ผู้ดํารงตําแหน่งใดจะพึงปฏิบัติหรือดําเนินการตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับ หรือคําสั่งใด หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งนั้น หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กําหนดเรื่องการมอบอํานาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอํานาจไว้ผู้ดํารงตําแหน่งนั้นอาจมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้ดังต่อไปนี้
(1) นายกรัฐมนตรีอาจมอบอํานาจให้รองนายกรัฐมนตรีหรือ รัฐมนตรีประจำสํานักนายกรัฐมนตรี
(2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาจมอบอํานาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ปลดกระทรวงอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดํารงตําแหน่งเทียบเท่า หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(3) รัฐมนตรีว่าการทบวงอาจมอบอํานาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการทบวง ปลัด
ทบวง อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่า หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(4) ปลัดสํานักนายก รัฐมนตรีอาจมอบอํานาจให้รองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีผู้ช่วยปลัด
สํานักนายกรัฐมนตรี อธิบดี หรือผู้ดํารงตําแหน่งเทียบเท่า หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(5) ปลัดกระทรวงอาจมอบอํานาจให้รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อธิบดี หรือผู้ ดํารงตำแหน่ง เทียบเท่า หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(6) ปลัดทบวงอาจมอบอํานาจให้รองปลัดทบวง ผู้ช่วยปลัดทบวง อธิบดี
หรือผู้ ดํารงตำแหน่งเทียบเท่าหรือผู้ว่าราชการจังหวัด
(7) อธิบดิ หรีอผู้ ดํารงตําแหน่งเทียบเท่าอาจมอบอํานาจให้รองอธิบดี ผู้ช่วย อธิบดี
ผู้อํานายการกอง หัวกอง หัวหน้าส่วนราชการ หรือ ผู้ดํารงตําแหน่งเทียบเท่าหรือผู้ว่าราชกาจังหวัด
(8) ผู้อํานวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ดํารง
ตําแหน่งเทียบเท่าอาจมอบอํานาจให้ข้าราชการในกองหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากองหรือส่วนราชการได้ ตามระเบียบที่อธิบดีกําหนด
(9) ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอํานาจให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ช่วยราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัด นายอําเภอ ปลัดอําเภอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอหรือหัวหน้าประจำอํ าเภอ
(10) นายอําเภออาจมอบอํานาจให้ปลัดอําเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจำอําเภอ
(11) ปลัดอําเภอผู้เป็นหัวหน้าประจํากิ่งอําเภออาจมอบอํานาจให้ปลัดอำเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจำกิ่งอำเภอ
(12) หัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดอาจมอบอํานาจให้หัวหน้าส่วน
ราชการประจําอําเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจํากิ่งอําเภอการมอบอํานาจตามมาตรานี้ให้ทําเป็นหนังสือ
7.2 เมือมีการมอบอำนาจโดยชอบแล้ว ผู้รับมอบอํานาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอํานาจนั้น และจะมอบอำนาจนั้นให้ แก่ผู้ดํารงตำแหน่งอื่นต่อไปไม่ได้ เว้นแต่ กรณีการมอบอำนาจให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมอบอำนาจนั้นต่อไปก็ได้
ในการมอบอํานาจของผู้ว่าราชการจังหวัดวรรคหนึ่งให้แก่รองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้ผู้มอบอํานาจชั้นต้น
7.3 ในการมอบอํานาจ ให้ผู้มอบอํานาจพิจารณาถึงการอํานวยการความสะดวกแก่ประชาชน ความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ การกระจายความรับผิดชอบตามสภาพของตําแหน่งของผู้รับมอบอํานาจ และผู้รับมอบอํานาจต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบอํานาจตามวัตถุประสงค์ ของการมอบอำนาจดังกล่าว
เมื่อได้มอบอํานาจแล้วผู้มอบอํานาจมีหน้าที่กํากับติดตามผลการปฏิบัติราชการผู้รับมอบอํานาจและให้มีอํานาจแนะนําและแก้ไขการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอํานาจได้
8. การรักษาราชการแทน
8.1 ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคนให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
8.2 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้ว่าการกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
8.3 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีหลายคนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมอบหมายให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนถ้าไม่มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีให้รัฐมนตรีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
8.4 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองปลัดกระทรวงหลายคน ให้
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งรองปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ปลัดกระทรวงจะแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้อํานวยการกองหรือเทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทนได้
8.5 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแห่งอธิบดี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองอธิบดีเป็นผู้รักษาราชการแทนถ้ามีรองอธิบดีหลายคน ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองอธิบดีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งรองอธิบดี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งข้าราชการในกรมซึ่งดํารงตําแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดี หรีอข้าราชการตั้งแต่ตําแหน่งหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน แต่ถ้ารายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเห็นสมควรเพื่อความเหมาะสมแก่การรับผิดชอบการปฏิบัติราชการในกรมนั้น นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะแต่งตั้งข้าราชการคนใดคนหนึ่งซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดีหรือ
เทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทนได้
ในกรณีที่ไม่มีผูดํารงตําแหน่งรองอธิบดี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้อธิบดี จะแต่งตั้งข้าราชการในกรมซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดี หรือข้าราชการตั้งแต่ตําแหน่งหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้
8.6 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งเลขานุการกรม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ก็อธิบดิ แต่งตั้งข้าราชการในการคนหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าเป็นผู้รักษาราชการแทน
8.7 ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัตินี้มีอํานาจหน้าที่ เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทนในกรณีที่ผู้ดํารงตำแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดํารงตําแหน่งนั้นมอบหมายหรือมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอํานาจหน้าที่ เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมายหรือมอบอำนาจ
ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งตั้งให้ผู้ดํารงตําแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอํานาจหน้าที่อย่างใดให้ผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอํานาจหน้าที่เป็น
8.8 การเป็นผู้รักษาราชการแทนตามพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนอํานาจนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ปลัดกระทรวง หรือผู้ดํารงตําแหน่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดิ หรีอผู้ ดํารงตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดี ซึ่งเป็นผู้บังคบบัญชา ที่จะแต่งตั้งข้าราชการอันเป็นผู้รักษาราชการแทนตามอานาจหน้าที่ที่มีอู่ยตามกฎหมาย
8.9 ความในเรื่องการรักษาราชการนี้มิให้ใช้บังคับแก่ราชการในกระทรวงที่เกี่ยวกับทหาร
9. การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
ให้จัดระเบยบบริหารราชการส่วนภูมิภาคดังนี้
(1) จังหวัด
(2) อําเภอ
1. จังหวัด
1.1 ให้รวมท้องที่หลายๆ อําเภอตั้งขึ้นเป็นจังหวัด มีฐานะเป็นนิติบุคคล การตั้ง ยุบ และเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด
1.2 ในจังหวัดหนึ่งมีคณะกรรมการจังหวัดทําหน้าที่เป็นปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการแผ่นดินในจังหวัดนั้น และให้ความเห็นชอบในการจัดทําแผนพัฒนาจังหวัดกับปฏิบัติหน้าที่อื่น ตามที่กฎหมายหรือมติของคณะรัฐมนตรีกําหนด คณะกรรมการจังหวัดประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่งคนตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย ปลัดจังหวัด อัยการจังหวัดซึ่งเป็นหัวหน้าที่ทําการอัยการจังหวัด รองผู้บังคับการตํารวจซึ่งทําหน้าที่หัวหน้าตํารวจภูธรจังหวัดหรือผู้กํากับการตํารวจภูธรจังหวัด แล้วแต่กรณี และหัวหน้าราชการประจําจังหวัด
จากกระทรวงและทบวงต่างๆ เว้นแต่ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งประจำอยู่ ในจังหวั ด กระทรวง หรือทบวงละหนึ่งคนเป็นกรรมการจังหวั ด และหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นกรมการจังหวัด
และเลขานการ
ถ้ากระทรวงหรือทบวงมีหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดซึ่งกรมต่างๆ ในกระทรวงหรือทบวงนั้นส่งมาประจําอยู่ในจังหวัดมากกว่าหนึ่งคน ให้ปลัดกระทรวงหรือ
1.3 ในจังหวัดหนึ่ง ให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้รับนโยบายและคําสั่งจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า รัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติการให้เหมาะสมกับท้องที่และประชาชน และเป็นหน้าที่บังคับบัญชาบรรดาข้าราชการฝ่ายบริหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดและอําเภอและจะให้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจงหวัดก็ได้
1.4 ในจังหวัดหนึ่ง นอกจากจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบงานบริหารราชการของจังหวัด ให้มีปลัดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดซึ่งกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ส่งมาประจําทําหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัด และมีอํานาจบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาค ซึ่งสังกดกระทรวง ทบวง กรมนั้น ในจังหวัดนั้น
1.5 ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดดํารงตําแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม้มีผู้ดํารงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ปลัดจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัดหลายคน ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองผู้ว่า
ราชการจังหวัด ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัดคนใดคนหนึ่งแล้วแต่กรณีเป็น
ผู้รักษาราชการแทน
1.6 ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอํานาจและหน้าที่ดังนี้
(1) บริหารราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ
(2) บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมาย หรือตามที่ นายกรัฐมนตรีสั่งการในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
(3) บริหารราชการตามคําแนะนําและคําชี้แจงของผู้ตรวจราชการกระทรวงในเมื่อไม่ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หรือคําสั่งของกระทรวง ทบวง กรม มติของคณะรัฐมนตรหรีอการสั่งการของนายกรัฐมนตรี
(4) กํากับดูแลการปฏิบัติราชการอันมิใช่ราชการส่วนภูมิภาคของข้าราชการซึ่งประจําอยู
ในจังหวัดนั้น ยกเว้น ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน และข้าราชการครู
(5) ประสานงานและร่วมมือกับข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน และข้าราชการครู ผู้ตรวจราชการและหัวหน้าส่วนราชการในระดับเขตหรือภาค ในการพัฒนาจังหวัดป้องกันภัยพบัติสาธารณะ
(6) เสนองบประมาณต่อกระทรวงที่เกี่ยวข้องตามโครงการหรือแผนพัฒนาจังหวัดและรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบ
(7) ควบคุมดูแลการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตามกฎหมาย
(8) กํากับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานองค์การของรัฐบาลหรือรัฐวสาหกิจ
(9) บรรจุ แต่งตั้งให้บําเหน็จและลงโทษข้าราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดตามกฎหมายและตามที่ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง หรืออธิบดิ มอบหมาย
1.7 ยกเว้น จํากัด หรือตัดทอน อํานาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการในจังหวัด หรือให้ข้าราชการของส่วนราชการใดมีอํานาจหน้าที่ในการบริหารราชการส่วนภูมิภาคเช่นเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัด จะกระทําได้โดยตราเป็นพระราชบัญญัติ
1.8 ให้แบ่งส่วนราชการของจังหวัดดังนี้
(1) สํานักงานจังหวัดมีหน้าเกี่ยวกับราชการทั่วไปและการวางแผนพัฒนาจังหวัดของจังหวัดนั้น มีหัวหน้าสํานักงานจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานจั งหวัด
(2) ส่วนต่างๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้นมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวง ทบวง กรมนั้นๆ มีหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัดนั้นๆ เป็นผู้ปกครองบังคับบัญชารับผิดชอบ
2. อําเภอ
2.1 ในจังหวัดหนึ่งให้มีหน่วยราชการบริหารรองจากจังหวัดเรียกว่าอําเภอการตั้ง ยุบ
และเปลี่ยนเขตอำเภอ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
2.2 ในอําเภอหนึ่งมีนายอําเภอคนหนึ่งเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาข้าราชการในอำเภอและรั บผิดชอบงานบริหารราชการของอำเภอ นายอำเภอสังกัดกระทรวงมหาดไทย บรรดาอำนาจและหน้าที่ เกี่ยวกับราชการของกรมการอำเภอให้โอนไปเป็นอํานาจและหน้าที่รองนายอำเภอ
2.3 ในอําเภอหนึ่ง นอกจากจะมีนายอําเภอเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาและรับผิดชอบให้มีปลัดอําเภอและหัวหน้าส่วนราชการประจําอําเภอซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ส่งมาประจําให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือนายอําเภอ และมีอํานาจบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารส่วนภูมิภาคซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมนั้น ในอำเภอนั้น
2.4 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งนายอําเภอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งปลัดอําเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจําอําเภอผู้มีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีผู้ดํารงตำแหน่งนายอำเภอแต่ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้นายอําเภอแต่งตั้งปลัดอําเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจําอําเภอผู้มีอาวุโสตามระเบยบแบบแผนของทางราชการเป็นผู้รักษาราชการแทน
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอําเภอมิได้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนไว้ให้ปลัดอําเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจําอําเภอมีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเป็นผู้รักษาราชการแทน
2.5 นายอำเภอมีอํานาจและหน้าที่ดังนี้
(1) บริหารราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการถ้ากฎหมายใดมิได้บัญญัติว่าการปฏิบัติตามกฎหมายนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะ ให้เป็นหน้าที่ของนายอำเภอที่ จะต้องรักษาการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นด้วย
(2) บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหรือตามที่ นายกรัฐมนตรีสั่งการในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
(3) บริหารราชการตามคําแนะนําและคําชี้แจงแจงของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้มีหน้าที่ตรวจการอื่น
(4) ควบคุมดแลการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในอำเภอตามกฎหมาย
2.6 ใหแบ่งส่วนราชการของอําเภอดังนี้
(1) สํานักงานอําเภอมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของอําเภอนั้นๆ มีนายอาเภอ
เป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบ
(2) ส่วนต่างๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้นในอําเภอนั้น มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวง ทบวง กรมนั้นๆ มีหัวหน้าส่วนราชการประจําอําเภอนั้น เป็นผู้ ปกครองบังคับบัญชารับผิดชอบ
2.7 การจัดการปกครองอําเภอนอกจากที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น
10. การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
10.1 ท้องถิ่นใดที่เห็นสมควรจัดให้ราษฎรมีส่วนในการปกครองท้องถิ่นให้จัดตามระเบียบการปกครองเป็นราชการสวนท้องถิ่น
10.2 ให้จัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นดังนี้
(1) องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(2) เทศบาล
(3) สุขาภบาล (ปัจจุบันถูกยกเลิกแล้ว)
(4) ราชการส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด
11. การบริหารราชการในต่างประเทศ
11.1 นิยามศัพท์
(1) “คณะผู้แทน” หมายความว่า บรรดาข้าราชการฝ่ายพลเรือน หรือข้าราชการฝ่ายทหารประจําการในต่างประเทศซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล สถานรองกงสุล ส่วนราชการของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเรียกชื่อเป็นอย่างอื่นและปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ และคณะผุ้แทนถาวรไทยประจำ องค์ การระหว่างประเทศ
(2) “ หัวหน้าคณะผู้แทน ” หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนตามระเบียบพิธีการทูตหรือระเบียบพิธีการกงสุล ในกรณีของคณะผู้แทนถาวรไทยประจําองค์การระหว่างประเทศ ให้หมายความว่า ข้าราชการสังกัดส่วนราชการซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าคณะผแทนถาวรไทยประจำองค์ การระหว่างประเทศ
(3) “รองหัวหน้าคณะผู้แทน” หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ
ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าคณะผู้แทน ในกรณีของคณะผู้แทนถาวรไทยประจําองค์การระหว่างประเทศ ให้
หมายความว่าข้าราชการสังกัดส่วนราชการ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในลักษณะเดียวกัน
11.2 การมอบอำนาจของหัวหน้าคณะผู้แทน
(1) ให้หัวหน้าคณะผู้แทนเป็นผู้รับนโยบายและคําสั่งจากนายกรัฐมนตรีใน
ฐานะหัวหน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติการให้เหมาะสมกับการปฏิบัติราชการในต่างประเทศ และเป็นหัวหน้าบังคับบัญชาบุคคลในคณะผู้แทน และจะให้รองหัวหน้าคณะผู้ แทนเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าคณะผู้แทนก็ได้
(2) การสั่ง และการปฏิบัติราชการของกระทรวง ทบวง กรม ต่อบุคคลในคณะผู้แทนให้ เป็นไปตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
(3) หัวหน้าคณะผู้แทนอาจมอบอํานาจให้บุคคลในคณะผู้แทนปฏิบัติราชการแทนตามระเบียบที่ คณะรัฐมนตรีกําหนด
(4) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีว่าการทบวง ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีปลัดกระทรวง ปลัดทบวง
(5) เมื่อมีการมอบอํานาจตาม (4) โดยชอบแล้วผู้รับมอบอํานาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอำนาจนั้นและจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ผู้อื่นต่อไปได้เว้นแต่เป็นการมอบอํานาจต่อไปให้บุคคลในคณะผู้แทนตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
(6) เมื่อได้มีการมอบอํานาจแล้ว หัวหน้าคณะผู้แทนมีหน้าที่กํากับ ติดตามผลการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอํานาจ และให้มีอํานาจแนะนําและแก้ไขการปฏิบัติราชการของผ้รับมอบอานาจได้
(7) การที่กระทรวง ทบวง กรม จะมอบอํานาจหรือมีคําสั่งใดที่เกี่ยวข้องไปยังหัวหน้าคณะผู้ แทนให้ แจ้งผล กระทรวงการต่างประเทศ
11.3 การรักษาราชการแทนหัวหน้าคณะผู้แทน
(1) ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองหัวหน้าคณะผู้แทนรักษาราชการแทน
(2) ในกรณีที่ไม่มีรองหัวหน้าคณะผู้แทนที่จะรักษาราชการแทน หรือไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งใดอันเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือมีแต่บุคคลดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติราชการ
(3) ความใน
(1) บริหารราชการกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ
(2) บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหรือตามที่ นายกรัฐมนตรีสั่งการในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
(3) บังคับบัญชาบุคคลในคณะผู้แทนและข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่มิใช่บุคคลในคณะผู้แทนซึ่งประจําอยู่ในประเทศที่ตนมีอํานาจหน้าที่ เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งของกระทรวง ทบวง กรม หรือมติของคณะรัฐมนตรีหรือการสั่งการของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
(4) รายงานขอเท็จจริงและความเห็นเกี่ยวกับผลการปฏิบัติราชการของบุคคลตาม (3) เพื่อประกอบการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาของสวนราชการต้นสังกัดเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการเลื่อนชั้นเงินเดือน
12. คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
12.1 องค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(1) ให้มีคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า “ก.พ.ร. ” ประกอบดวยนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน รัฐมนตรีหนึ่งคนที่นายกรัฐมนตรีกําหนดจะเปนรองประธาน ผู้ซึ่งคณะกรรมการการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบหมายหนึ่งคนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่กฺนสิบคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความชํานาญในทางด้าน นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ การบริหารรัฐกิจ การบริหารธุรกิจ การเงิน การคลัง จิตวิทยาองค์ กระและสังคมวิทยา อย่างน้อยด้านละหนึ่งคน
(2) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อยสามคนต้องทำงานเต็มเวลา
(3) เลขาธิการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณารายชื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอโดยวิธีการสรรหา ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหาที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
12.2 คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ ก.พ.ร. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาตไทย
(2) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(3) ไม่เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหโทษ
(4) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการ
เมือง หรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง
(5) ไม่เคยถูกไล่ออกปลดออก หรือให้ออกจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทําการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
12.3 การดำรงตำแหน่งและการพ้นตำแหน่งของ ก.พ.ร.
(1) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสี่ปีผู้ซึ่งพ้นจาก
ตําแหน่งแล้วอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
(2) ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งตามวาระ แต่ยังมิได้
แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนจนกว่าจะได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่
(3) นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
- ตาย
- ลาออก
- ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
- คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติ
เสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ
(4) ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระและยังมิได้
แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้กรรมการที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
(5) เมื่อตําแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิว่างลงก่อนวาระ ให้ดําเนินการแต่งตั้ง
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายในสามสิบวัน เว้นแต่วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเหลือไม่ ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรง
คุณวุฒิก็ได้
(6) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่างหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒ
ซึ่งได้รับแต่งตั้งเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นยังมีวาระอยู่ในตําแหน่งให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับแต่งตั้งมีวาระการดํารงตําแหน่งเท่ากับเวลาที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ยังอยู่ในตำแหน่ง
12.4 การประชุม ก.พ.ร.
(1) การประชุม ก.พ.ร. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จึงเป็นองค์ประชุมไม่ว่ากรรมการดังกล่าวจะเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ทํางานเต็มเวลาหรอไม่
(2) ในการประชุม ก.พ.ร. ถ้าประธานไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองประธานปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีที่ไม่มีรองประธานหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทําหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม
(3) การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนนถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ ขาด
12.5 สํานักงาน ก.พ.ร.
(1) ให้มีสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการขึ้นเป็นส่วนราชการในสํานักนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่มีฐานะเป็นกรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อรับผิดชอบในงานเลขานุการของ ก.พ.ร. ซึ่งมีฐานะเป็นอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(2) ให้เลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งการแต่งตั้งให้นายกรัฐมนตรี นําเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
12.6 อํานาจหน้าที่ ก.พ.ร.
ก.พ.ร. มีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) เสนอแนะและให้คําปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการและงานของรัฐอย่างอื่นซึ่งรวมถึงโครงสร้างระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบบุคลากร มาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรมค่าตอบแทน และวิธีปฏิบัติราชการอื่น ให้เป็นไปตามมาตรการก็ได้
(2) เสนอแนะและให้คําปรึกษาแก่หน่วยงานอื่นของรัฐที่มิได้อยู่กํากับของราชการฝ่าย
บริหารตามที่หน่วยงานดังกล่าวร้องขอ
(3) รายงานต่อคณะรัฐมนตรีในกรณีที่มีการดําเนินการขัดหรือไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ ที่กําหนดในมาตรา 3/1
(4) เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการจัดตั้งการรวม การโอน การยุบเลิก การกําหนดชื่อ การเปลี่ยนชื่อ การกําหนดอํานาจหน้าที่และการแบ่งส่วนราชการภายในของส่วนราชการที่เป็น กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการอื่น
(5) เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการตามพระราชกฤษฎีกาและกฎที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้
(6) ดําเนินการให้มีการชี้แจ้งทําความเข้าใจแก่ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปรวมตลอดทั้งการฝึกอบรม
( 7 ) ติดตาม ปร ะเมินผล และ แนะนําเพื่อให้มีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีพร้อมทั้งขั้ อเสนอแนะ
(8) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม รวมตลอดทั้งกําหนดแนวทางปฏิบัติในกรณีที่เป็นปัญหา มติของคณะกรรมการตามข้อนั้น เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้ ตามกฎหมาย
(9) เรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นใดมาชี้แจงหรือแสดงความเห็นประกอบการพิจารณา
(10) จัดทํารายงานประจําปีเกี่ยวกับการพัฒนาและจัดระบบราชการและงานของรัฐอย่ างอื่นเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
(11) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางาน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ตามที่มอบหมาย และจะกำหนดอัตราเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนอื่นด้วยก็ได้
(12) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กําหนดในพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
12.7 การปรับปรุงโครงสร้างระบบราชการ
ในวาระเริ่มแรกใหก.พ.ร. ดําเนินการเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการปรับปรุง
โครงสรางระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบบุคลากร การปรับเปลี่ยนส่วนราชการเป็นองค์การมหาชน หรือองค์กรรูปแบบอื่นที่มิใช่ส่วนราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (พ.ร.บ.ระเบียบราชการแผ่นดิน(ฉบบที่ 5) พ.ศ. 2545 ใช้บังคับเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545)
แนวข้อสอบ
พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และแก้ไขเพิ่มเติม
**********************
1. พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บังคับใช้วันที่
ก. 5 กันยายน 2534 ข.18 กันยายน 2534
ค. 23 กุมภาพันธ์ 2534 ง. 2 ตุลาคม 2534
ตอบ ก. 5 กันยายน 2534
2. พรบ. ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 บังคับใช้วันที่
ก. 5 กันยายน 2550 ข. 2 ตุลาคม 2550
ค. 18 พฤศจิกายน 2550 ง. 16 กันยายน 2550
ตอบ ง. 16 กันยายน 2550
3. การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มีอะไรบ้าง
ก. ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ข. ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
ค. ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
4. การแบ่งส่วนราชการออกเป็นส่วนต่าง ๆ ให้มีการกำหนดตำแหน่งโดยคำนึงถึงอะไรบ้าง
ก. คุณภาพ ข. ปริมาณงาน
ค. คุณภาพและปริมาณงาน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
5. ใครเป็นผู้รักษาการ ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ง. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. นายกรัฐมนตรี
6. ข้อใดไม่ใช่การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี ข. ทบวง
ค. จังหวัด ง. กรม
ตอบ ค. จังหวัด
7. สำนักนายกรัฐมนตรีมีฐานะเป็น
ก. กระทรวง ข. ทบวง
ค. กรม ง. มูลนิธิ
ตอบ ก. กระทรวง
8. ข้อใดมีฐานะเป็นนิติบุคคล
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี ข. ทบวง
ค. กรม ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
9. การจัดตั้ง การรวมหรือ การโอน สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. พระราชบัญญัติ
10. การจัดตั้ง การรวมหรือ การโอน ทบวง ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศทบวง
ตอบ ก. พระราชบัญญัติ
11. การรวม หรือการโอน กระทรวง ถ้าไม่มีการกำหนดตำแหน่งหรืออัตราข้าราชการหรือลูกจ้างเพิ่มขึ้น ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศกระทรวง
ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา
12. การรวม หรือการโอน ถ้าไม่มีการกำหนดตำแหน่งหรืออัตราข้าราชการหรือลูกจ้างเพิ่มขึ้น ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณตรวจสอบมิให้มีการกำหนดตำแหน่งข้าราชการหรือลูกจ้างเพิ่มขึ้นจนกว่าจะครบกี่ปี
ก. 3 ปี ข. 5 ปี
ค. 7 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ก. 3 ปี
13. การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ ของ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง หรือกรม ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกำหนด
ตอบ ค. กฎกระทรวง
14. การยุบส่วนราชการ ของ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง หรือกรม ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกำหนด
ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา
15. การแบ่งส่วนราชการภายใน สำนักนายกรัฐมนตรี กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกำหนด
ตอบ ค. กฎกระทรวง
16. ส่วนราชการใดต่อไปนี้ไม่ได้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
ก. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ค. สำนักงบประมาณ ง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตอบ ง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
17. ส่วนราชการในสำนักนายักรัฐมนตรีมีฐานะเป็น
ก. กระทรวง ข. กรม
ค. หน่วยงาน ง. ทบวง
ตอบ ข. กรม
18. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการกำหนดนโยบายในสำนักนายกรัฐมนตรี
ก. นายกรัฐมนตรี ข. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. นายกรัฐมนตรี
19. เมื่อนายกรัฐมนตรี ตาย, ขาดคุณสมบัติ, จำคุก, สภาลงมติไม่ไว้วางใจ, ศาลวินิจฉัยความเป็นนายกสิ้นสุดลง
ก. ให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน
ข. ให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน
ค. ให้นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน
ง. ให้นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน
ตอบ ก. ให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน
20. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ก. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการของกระทรวง หรือทบวงหนึ่งหรือหลายกระทรวงหรือทบวง
ข. บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
ค. แต่งตั้งข้าราชการการเมืองให้ปฏิบัติราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี
ง. บริหารราชการตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการ
ตอบ ง.บริหารราชการตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการ
21. ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีคือ
ก.ปลัดกระทรวงมหาดไทย ข.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี ง. รองนายกรัฐมนตรี
ตอบ ข.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
22. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ก. ควบคุมข้าราชการประจำในสำนักนายก
ข. อำนาจเกี่ยวกับ คณะรัฐมนตรี รัฐสภา และราชการในพระองค์
ค. บังคับบัญชาข้าราชการองจาก นายกรัฐมนตรี รองนายก รมต.ประจำสำนักนายก
ง. บังคับบัญชาข้าราชการใน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตอบ ข. อำนาจเกี่ยวกับ คณะรัฐมนตรี รัฐสภา และราชการในพระองค์
23. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ก. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ค. เลขานุการนายกรัฐมนตรี ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ข. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
24. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ก. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ค. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
25. บุคคลใดเป็นข้าราชการเมือง
ก. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ข. รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ค. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ตอบ ง. เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
26. ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวงคือ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวง ง. อธิบดี
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
27. การจัดระเบียบราชการของกระทรวง ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ก. สำนักงานรัฐมนตรี ข. สำนักงานปลัดกระทรวง
ค. กรม ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
28. ใครมีสามารถวางแผนและประสานกิจกรรมให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้
ก. ปลัดกระทรวง ข. หัวหน้ากลุ่มภารกิจ
ค. หัวหน้าส่วนระดับกรมขึ้นไป ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
29. ถ้ากำหนดให้ส่วนราชการระดับกรมตั้งแต่สองส่วนราชการไปอยู่ภายใต้กลุ่มภารกิจเดียวกันให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกำหนด
ตอบ ค. กฎกระทรวง
30. กระทรวงใดมิได้จัดให้มีกลุ่มภารกิจ และมีปริมาณงานมาก จะให้มีรองปลัดกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการเพิ่มขึ้นได้กี่คน
ก. 1 คน ข. 2 คน
ค. 4 คน ง. 5 คน
ตอบ ข. 2 คน
31. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานรัฐมนตรี
ก. เลขาธิการรัฐมนตรี ข. เลขานุการรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่าการการะทรวง ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ข. เลขานุการรัฐมนตรี
32. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวง
ก. เลขาธิการรัฐมนตรี ข. เลขานุการรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่าการการะทรวง ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ง. ปลัดกระทรวง
33. ปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชารองจากบุคคลใด
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวงสำนักนายกรัฐมนตรี ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข. รัฐมนตรี
34. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวง
ก. เกี่ยวกับราชการการเมือง
ข. ควบคุมราชการประจำในกระทรวง
ค. เป็นผู้บังคับบัญชารองจากรัฐมนตรี
ง. เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวง
ตอบ ก. เกี่ยวกับราชการการเมือง
35. ส่วนราชการใดในกรมที่ถูกกำหนดไว้เสมอ
ก. กอง ข. สำนักงานเลขานุการกรม
ค. ส่วนราชการทีมีฐานะเทียบเท่ากอง ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ข. สำนักงานเลขานุการกรม
36. ข้อใดเป็นอำนาจหน้าที่ของกรม
ก. ในกฎกระทรวงการแบ่งส่วนราชการของกรม
ข. ตามกฎหมายว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของกรม
ค. ถูกทั้ง ก และ ข
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ถูกทั้ง ก และ ข
37. ใครเป็นผู้บังคับบัญชา ข้าราชการในกรม
ก. เลขานุการกรม ข. อธิบดี
ค. หัวหน้ากอง ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ข. อธิบดี
38. ใครเป็นผู้บังคับบัญชา ข้าราชการในสำนักงานเลขานุการกรม
ก. เลขานุการกรม ข. อธิบดี
ค. รองอธิบดี ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ก. เลขานุการกรม
39. กระทรวง ทบวง กรม จะแบ่งท้องที่ออกเป็นเขตเพื่อ “ปฏิบัติงานทางวิชาการ” ก็ได้ ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกำหนด
ตอบ ข. พระราชกฤษฎีกา
40. การมอบอำจานในการปฏิบัติราชการแทน ของนายกรัฐมนตรี ข้อใดถูกต้อง
ก. นายกรัฐมนตรีอาจมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี
ข. นายกรัฐมนตรีอาจมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ค. คณะรัฐมนตรีอาจมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
41. การมอบอำจานในการปฏิบัติราชการแทน ของผู้ว่าราชการจังหวัด ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอำนาจให้รองผู้ว่าราชจังหวัด
ข. ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอำนาจให้นายอำเภอ
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ
ง. ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการประจำกิ่งอำเภอ
ตอบ ง. ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการประจำกิ่งอำเภอ
42. การมอบอำจานในการปฏิบัติราชการแทน ของนายอำเภอ ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. นายอำเภออาจมอบอำนาจให้ปลัดอำเภอ
ข. นายอำเภออาจมอบอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ
ค. นายอำเภออาจมอบอำนาจให้ปลัดจังหวัด
ง. ทั้งข้อ ก และ ข
ตอบ ค. นายอำเภออาจมอบอำนาจให้ปลัดจังหวัด
43. ตามหลักของการมอบอำจานในการปฏิบัติราชการแทน เมื่อมีการมอบอำนาจแล้วผู้รับมอบจะมอบให้บุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะมอบให้บุคคลใด แล้วบุคคลนั้นสามรถมอบให้บุคคลอื่นต่อไปได้
ก. ปลัดกระทรวง ข. อธิบดี
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. นายอำเภอ
ตอบ ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
44. การรักษาราชการแทน ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกเป็นผู้รักษาราชการแทน
ข. กรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน
ค. กรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน
ง. กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งปลัดอำเภอเป็นผู้รักษา
ราชการแทน
ตอบ ข. กรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้นายกรัฐมนตรี
มอบหมายให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน
45. การรักษาราชการแทน ห้ามมิให้บังคับกับหน่วยงานใด
ก. กระทรวงที่เกี่ยวการเงิน ข. กระทรวงที่เกี่ยวกับการทหาร
ค. กระทรวงที่นายกรัฐมนตรีควบคุม ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข. กระทรวงที่เกี่ยวกับการทหาร
46. การรักษาราชการแทน ข้อใดถูกต้อง
ก. กรณีที่อธิบดี ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ให้รองอธิบดีเป็นผู้รักษาราชการแทน
ข. กรณีที่อธิบดี ไม่สามารถปฏิบัติราชการ ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองอธิบดีคนใดคนหนึ่ง
เป็นผู้รักษาราชการแทน
ค. กรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการกรม ให้อธิบดีแต่งตั้งหัวหน้ากองเป็นผู้รักษาราชการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
47. บรรดาข้าราชการพลเรือน หรือข้าราชการฝ่ายทหารประจำในต่างประซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล สถานรองกงสุล คือ
ก. คณะผู้แทน ข. รองหัวหน้าคณะผู้แทน
ค. หัวหน้าคณะผู้แทน ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ตอบ ก. คณะผู้แทน
48. ข้าราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทนตามระเบียบวิธีการทูต หรือระเบียบวิธีการกงสุล
ก. คณะผู้แทน ข. รองหัวหน้าคณะผู้แทน
ค. หัวหน้าคณะผู้แทน ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ตอบ ค. หัวหน้าคณะผู้แทน
49. ข้าราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าคณะผู้แทน
ก. คณะผู้แทน ข. รองหัวหน้าคณะผู้แทน
ค. หัวหน้าคณะผู้แทน ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ตอบ ข. รองหัวหน้าคณะผู้แทน
50. กระทรวง ทบวง กรม จะมอบอำนาจ หรือสั่งการไปยังหัวหน้าคณะผู้แทนให้แจ้งผ่านหน่วยงานใด
ก. สถานกงสุลใหญ่ ข. สถานเอกอัครราชทูต
ค. กระทรวงการต่างประเทศ ง. กรมพิธีการทูต
ตอบ ค. กระทรวงการต่างประเทศ
51. จังหวัด ถือว่าเป็นการจัดระเบียบบริหารแบบใด
ก. ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
ข. ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
ค. ระเบียบบริหารราชการการส่วนท้องถิ่น
ง. ระเบียบริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ตอบ ข. ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
52. จังหวัดมีฐานะเป็น
ก. นิติบุคคล ข. องค์กร
ค. มูลนิธิ ง. สหการ
ตอบ ก. นิติบุคคล
53. การตั้ง ยุบ เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. หนดกระทรวง
ตอบ ก. พระราชบัญญัติ
54. ใครเป็นประธานคณะกรมการจังหวัด
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ข. ปลัดจังหวัด
ค. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด
ง. บุคคลที่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง
ตอบ ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด
55. บุคคลใดต่อไปนี้ไม่ได้เป็นคณะกรมการจังหวัด
ก. รองผู้ว่าราชการจังหวัด ข. ปลัดจังหวัด
ค. อัยการจังหวัด ง. นายอำเภอ
ตอบ ง. นายอำเภอ
56. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ คณะกรมการจังหวัด
ก. เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการในจังหวัด
ข.ประสานงานกับมหาวิทยาลัย
ค. ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัด
ง. ปฏิบัติหน้าที่อื่น หรือตามมติคณะรัฐมนตรี กำหนด
ตอบ ข.ประสานงานกับมหาวิทยาลัย
57. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
ก. บริหารราชการตามคำแนะนำและชี้แจงของผู้ตรวจราชการกระทรวง
ข. กำกับดูแล ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่าย
ค. ประสานงานกับ ทหาร – ตุลาการ – อัยการ – มหาวิทยาลัย – สตง. – ครู
ง. เสนองบประมาณต่อกระทรวง แล้วรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบ
ตอบ ข. กำกับดูแล ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่าย
58. การยกเว้น จำกัด/ตัดทอน หน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด จะกระทำได้ต้องออกเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกำหนด ง. หนดกระทรวง
ตอบ ก. พระราชบัญญัติ
59. สำนักงานจังหวัด ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานจังหวัด คือ
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ข.หัวหน้าสำนักงานจังหวัด
ค. ปลัดจังหวัด ง. รองผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ข.หัวหน้าสำนักงานจังหวัด
60. ใครเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการในจังหวัด
ก. รองผู้ว่าราชการจังหวัด ข. ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. ปลัดจังหวัด ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. ปลัดจังหวัด
#คลิ๊กดูแนวข้อสอบราชการที่ www.โหลดแนวข้อสอบราชการ.com
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
โทร: 082-8551615 (คุณปาณิสรา)
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ )